การโค้ช (Coaching) ที่มีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดหนึ่งของการเป็นโค้ชที่ดีมีประสิทธิภาพ คือ โค้ชสามารถใช้เวลากับผู้รับการโค้ชอย่างคุ้มค่าในการพาเขาไปข้างหน้า ปัญหาส่วนใหญ่ของโค้ชมือใหม่คือ มีทิศทางในการโค้ชที่ไม่ชัดเจน และใช้เวลานานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นการสนทนา การฟัง การจับประเด็น การถาม ไปจนถึงการชวนสร้าง Action Plan แถมผลลัพธ์ของการโค้ชครั้งนั้นก็ไม่ชัดเจนอีกด้วย หากต้องการโค้ชได้แบบมีประสิทธิภาพ จบการโค้ชได้เร็ว และเกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ต้องทำอย่างไร สถาบันโค้ชนโปเลียนฮิลล์ มีคำตอบค่ะ
1. มีองค์ความรู้ หรือ หลักการที่มีงานวิจัยรองรับเป็นพื้นฐานการโค้ช ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ผู้รับการโค้ชต้องการ (Having Principles Base)
หากโค้ชมีหลักการ (Principles Base) ที่มีงานวิจัยรองรับและตรงกับสิ่งที่ผู้รับการโค้ชต้องการ เป็นหลักพื้นฐานที่ใช้ในกระบวนการโค้ช จะทำให้โค้ชได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้รับการโค้ช ต่างจากผู้ที่ไม่มีองค์ความรู้หรือหลักการในการโค้ชเป็นพื้นฐาน และใช้เพียงทักษะโค้ช (Coaching Skills) เป็นอย่างมาก กล่าวคือ หากผู้รับการโค้ชต้องการพัฒนาเกี่ยวกับความสำเร็จส่วนตัว และผู้เป็นโค้ชได้รับการรับรองจากหลักสูตรการโค้ชเพื่อความสำเร็จจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ แน่นอนว่าผู้รับการโค้ชจะต้องการพูดคุยและรับการโค้ชจากโค้ชท่านนี้โดยไม่มีข้อสงสัย มากกว่าโค้ชผู้ที่ไม่ผ่านการรับรองใดๆ เลย
2. โค้ชต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยองค์ความรู้และหลักการนั้นมาแล้ว (Having Self-Change)
โดยการนำองค์ความรู้และหลักการที่ตัวโค้ชได้ศึกษา มาปรับใช้ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมกับชีวิตของตัวโค้ชเองก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อโค้ชผ่านการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยองค์ความรู้และหลักการนั้นๆ แล้ว ตัวโค้ชจะเกิดความมั่นใจจากภายในที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางกับผู้รับการโค้ชให้ไปถึงเป้าหมายของเขาได้ และมีความเชี่ยวชาญในหลักการนั้นๆ แบบตกผลึก ในส่วนของผู้รับการโค้ชก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นมืออาชีพ (Professional) ของโค้ช และเปิดใจให้โค้ชได้โดยง่าย
3. ควรมีเครื่องมือโค้ชประกอบการโค้ชที่มีประสิทธิภาพ และวัดผลได้ (Having Coaching Tools)
การมีเครื่องมือโค้ชประกอบการโค้ช (Coaching Tools/Assessment) ที่มีประสิทธิภาพ และวัดผลได้ จะช่วยลดเวลาในการโค้ชลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยส่งเสริมการสร้างสัมพันธ์เชิงลึก (Rapport) ระหว่างโค้ชกับผู้รับการโค้ชได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะ เครื่องมือโค้ชที่ดีจะเป็นตัวช่วยให้ผู้รับการโค้ชค้นพบตัวตน ปัญหา และจุดที่ต้องพัฒนาของตัวเองได้เร็วกว่าการพูดคุยไปเรื่อยๆ กับโค้ชเพียงอย่างเดียว
4. มีทักษะการโค้ช และ ชุดสมรรถนะโค้ช ตามมาตรฐานสากล (Having Coaching Skills and Competency)
ทักษะการโค้ช (Coaching Skills) ที่เป็นมาตรฐานสากล ช่วยให้ผู้เป็นโค้ช โค้ชได้อย่างมีคุณภาพ สามารถพาผู้รับการโค้ชให้เกิดการตระหนักรู้ และสร้างวิธีการไปถึงเป้าหมายด้วยตัวเขาเองได้ และหากชุดทักษะการโค้ชนี้ ตั้งอยู่บนชุดสมรรถนะโค้ชมาตรฐานโค้ชมืออาชีพสากล หรือ ICF Core Competency จากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ICF) จะยิ่งทำให้ผู้เป็นโค้ช โค้ชได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
5. โค้ชต้องมีประสบการณ์การฝึกโค้ชในสถานการณ์จริงที่มากพอ (Having Real Coaching Experience)
การเรียนในหลักสูตรต่างๆ เป็นเรื่องที่ดีของโค้ช แต่หากโค้ชมิได้นำไปฝึกฝน และ มีประสบการณ์การโค้ชจริง จะไม่สามารถเป็นโค้ชที่ดีได้เลย การโค้ชคือการปฏิบัติ โค้ชที่ดีจึงต้องมีชั่วโมงการลงสนามโค้ชจริงที่มากพอ จึงจะทำให้เกิดความเชี่ยวชาญในการโค้ช ไม่ต่างจากนักบินที่ต้องมีการเก็บชั่วโมงการบิน
ถึงตาคุณแล้ว ลองใช้บทความนี้เป็นตัวช่วยในการหาจุดพัฒนาการโค้ชของคุณ คุณคิดว่าคุณต้องพัฒนาในด้านใดจาก 5 ข้อนี้ ลองมาคอมเม้นท์บอกกันได้ ที่นี่ค่ะ https://www.facebook.com/coachnapoleonhill/photos/a.291122447678503/1531518883638847/?type=3
บทความโดย
โค้ชเปิ้ล มิทเชล
⛵💼 Master Coach-Napoleon Hill™
🇹🇭🇹🇭 อาจารย์รับรองหนึ่งเดียวในประเทศไทย (Napoleon Hill Certified Instructor) – Napoleon Hill Foundation USA
👩💼 Executive Coach ระดับ PCC – ICF
👩💼 ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร
👩💼 โค้ชผู้บริหาร องค์กรชั้นนำ
👩💼 โค้ชนางงาม Miss Universe Thailand 2017
👩💼 โค้ชมารีญา พูลเลิศลาภ – Top 5 Miss Universe 2017
📶📶 ผู้พัฒนาเครื่องมือวัด “ความคิดผู้นำ-เศรษฐี นโปเลียนฮิลล์” PMA17 Leadership Success Profile Assessment©️ Online Coaching Tool
ทำไมถึงควรรู้จักโค้ชมืออาชีพ ICF ?
การโค้ชมาตรฐาน ICF เป็น Process ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับ Global
โค้ช ICF มีวิธีสื่อสารที่แตกต่างจากโค้ชทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
การโค้ช (Coaching) สามารถทำเป็นอาชีพได้
รู้จักโค้ชมืออาชีพ ICF ครบทุกกระบวนการ คลิกที่ภาพนี้