Coaching อ่านว่า โค้ชชิ่ง แปลว่า การโค้ช คือ กระบวนการพัฒนาตนเองรูปแบบหนึ่งที่มี 2 ฝ่ายทำงานร่วมกัน ได้แก่ โค้ช (Coach) และ ผู้รับการโค้ช (Coachee) โดยโค้ชจะช่วยให้ผู้รับการโค้ชบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในการทำงานหรือในชีวิตส่วนตัว โค้ชจะใช้การฟังและการตั้งคำถามเป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ชสามารถออกแบบวิธีการบรรลุเป้าหมายได้ในแบบของตนเอง
ข้อมูลที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานของ “การโค้ชแบบมืออาชีพ” (Professional Coaching) ซึ่งเป็นการโค้ชสมัยใหม่ที่อัพเดทที่สุด มีงานวิจัยระดับโลกรองรับ และถูกต้องตามหลักสากล ท่านจะได้รู้ถึงภาพรวม Mindset หน้าที่ ทักษะการโค้ช ตัวอย่าง และประโยชน์ของการโค้ช เรียบเรียงโดยโค้ชผู้บริหารระดับ CEO ที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิจากสหพันธ์การโค้ชนานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ICF, USA)
ความเป็นมาของ Coaching
ในอดีตนั้น โค้ช คือ ผู้ที่ใช้ “การสอนและการแนะนำ” เป็นวิธีหลักในการสื่อสารเพื่อพัฒนาผู้รับการโค้ช ตามที่เราคุ้นเคยกัน เช่น โค้ชนักกีฬา, คุณครูแนะแนว เป็นต้น แต่ในปัจจุบันศาสตร์การโค้ชถูกพัฒนาไปมาก ทั้งในด้านกระบวนการ (Process), รูปแบบ (Model), หลักการ (Principles), ชุดความคิด (Mindset), ชุดทักษะ (Skills) และเครื่องมือ (Tools) ทั้งหมดนี้ทำให้การโค้ชสมัยใหม่นั้นแตกต่าง มีประสิทธิภาพสูง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำ, ผู้บริหาร, หัวหน้างาน, ที่ปรึกษา, นักขาย, ครู, พ่อแม่ ฯลฯ
การโค้ชสมัยใหม่ยังทำให้เกิดอาชีพใหม่นั่นคือ โค้ชมืออาชีพ (Professional Coach) คือ ผู้ที่มีรายได้หลักจากการให้บริการการโค้ชในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โค้ชเพื่อสร้างผลงาน (Performance Coach), โค้ชเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Coach), โค้ชผู้บริหาร (Executive Coach), โค้ชเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ (Relationship Coach), โค้ชเพื่อความสำเร็จในชีวิต (Success Coach) และอื่นๆ อีกมากมาย ท่านสามารถดูประเภทของโค้ชที่ตลาดต้องการได้ที่นี่
Coaching คือ อะไร (ICF What is Coaching ?)
สหพันธ์การโค้ชนานาชาติ (ICF) ให้นิยามว่า การโค้ช คือ การทำงานร่วมกันระหว่างโค้ชและผู้รับการโค้ช โดยโค้ชจะอำนวยการกระตุ้น “ความคิด” และ “วิธีการที่สร้างสรรค์” ของผู้รับการโค้ช เพื่อให้เขาเกิดแรงบันดาลใจที่จะขยายศักยภาพและออกแบบวิธีการบรรลุเป้าหมายของตนเองทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและในด้านสายอาชีพของเขา ในแบบของตนเอง
การโค้ชจึงเป็นส่วนสำคัญสำหรับคนยุคนี้ที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและไม่แน่นอน กระบวนการโค้ชจะช่วยปลดล็อคขุมพลังไม่เคยถูกเรียกขึ้นมาใช้งาน ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์, ความสามารถในการผลิตผลงาน และภาวะผู้นำ ซึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวทุกคน
เมื่อคุณทำงานร่วมกับโค้ช คุณได้สร้างหนทางไปสู่การเติมเต็มชีวิตและสายอาชีพของคุณในแบบที่ยอดเยี่ยมกว่าที่เคยเป็น
ความแตกต่างระหว่าง การโค้ช และ การสอน
การสอน (Mentoring/Teaching) – ผู้สอนจะใช้การ “บอก” (Tell) วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมาย (Solutions) ให้ผู้เรียนทราบ เป็นการแนะนำจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้สอน
การโค้ช (Coaching) – โค้ชจะใช้การ “ถาม” (Ask) เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับการโค้ชออกแบบวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมาย (Solutions) ด้วยตัวเอง
เราอาจใช้ทั้งการสื่อสารทั้ง 2 แบบในการทำงาน โดยแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมกับลักษณะงานของเรา เทคนิคนี้เรียกว่า Coaching & Mentoring ซึ่งนิยมใช้ในองค์กร และ การสอนแบบ Coaching ซึ่งแนะนำให้สถาบันการศึกษานำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนค่ะ
โค้ช คือ ใคร
โค้ช (Coach) คือ “เพื่อนร่วมทาง” ที่ใช้ทักษะเฉพาะของโค้ช (Coaching Skill) เพื่อให้ผู้รับการโค้ชเกิดกระบวนการภายในที่จะปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ ค้นหาคำตอบ และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง โดยโค้ชจะเชื่อในความสามารถของผู้รับการโค้ชในทุกด้าน และเชื่อมั่นว่าผู้รับการโค้ชมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง
Mindset พื้นฐานของโค้ช
โค้ชให้เกียรติผู้รับการโค้ชเสมอ ว่าเขาเป็นผู้ที่มีความรอบรู้เป็นอย่างดีในเรื่องชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานของเขา โค้ชเชื่อมั่นว่าผู้รับการโค้ชทุกคนมีความสร้างสรรค์ (Creative) มีทรัพยากรพร้อม (Resourceful) และมีความสมบูรณ์พร้อม (Whole) อยู่ในตัวของเขาแล้ว หรือพูดง่ายๆ ว่า โค้ชเชื่อว่าผู้รับการโค้ชทุกคนเก่งในแบบของตัวเองอยู่แล้ว โค้ชเพียงแค่ใช้กระบวนการโค้ชเพื่อช่วยให้เขาสามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่นั่นเอง และหากท่านต้องการศึกษาคำศัพท์ที่ใช้ในวงการโค้ช (Coaching Vocabulary) เพื่อให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น คลิกที่นี่
หน้าที่ของโค้ช
โค้ชมีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้
- ค้นให้พบ ทำให้ชัด และช่วยจัดระเบียบ ในสิ่งที่ผู้รับการโค้ชต้องการจะบรรลุ
- กระตุ้นและให้กำลังใจ ให้ผู้รับการโค้ชเกิดกระบวนการค้นหาภายในตัวเอง (Self-discovery)
- ทบทวนวิธีการและกลยุทธ์ที่ผู้รับการโค้ชสร้างขึ้นด้วยตัวเอง
- ให้ผู้รับการโค้ชเป็นทั้ง “ผู้ตัดสินใจและรับผิดชอบ” ในการกำหนดเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุด้วยตัวเอง และในการลงมือทำตามแผนงานที่ตัวเองสร้างขึ้นจนสำเร็จ (Accountable & Responsible)
กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้รับการโค้ชพัฒนามุมมองที่มีต่อหน้าที่การงานและชีวิตอย่างก้าวกระโดด เพิ่มพูนทักษะผู้นำ และปลดล็อคศักยภาพของตัวเอง
Coaching Skill คือ อะไร (พร้อมตัวอย่าง วิธีการ)
ทักษะพื้นฐานของโค้ชที่ควรรู้ มีดังนี้
ทักษะการสร้างสัมพันธ์เชิงลึก (Building Rapport) – ขั้นตอนแรกของการโค้ช
ทักษะแรกที่โค้ชใช้ตั้งแต่เริ่มต้นพูดคุยกัน คือ การสร้างสัมพันธ์กับผู้รับการโค้ชในเวลาอันสั้น เรียกว่า Rapport (อ่านว่า แร็พพอต์) หมายถึง การสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ผู้รับการโค้ชรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนกำลังคุยกับพวกเดียวกัน และพร้อมที่จะเปิดใจพูดคุยกับโค้ชในทุกเรื่อง เปรียบเสมือนการ “เปิดประตูใจ” ของผู้รับการโค้ช
ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening)
ทักษะการฟัง คือ ทักษะที่สำคัญที่สุดของโค้ช เพราะในการโค้ช โค้ชมืออาชีพจะใช้การฟังถึง 80% และพูดเพียงแค่ 20% โค้ชมืออาชีพจะฟังให้ได้ยินทั้งสิ่งที่ผู้รับการโค้ชพูดและสิ่งที่ผู้รับการโค้ชไม่ได้พูด (unsaid message) โค้ชฟังโดยใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนและใช้หัวใจฟังด้วย (ไม่ใช่แค่ใช้หู) เพื่อรับรู้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้รับการโค้ชให้ได้มากที่สุด ถ้าโค้ชมีทักษะการฟังที่ดีจะทำให้สามารถสะท้อนและตั้งคำถามได้ดี
ทักษะการสะท้อน (Reflection & Constructive Feedback)
โค้ชสะท้อนหรือให้ฟีดแบคที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับการโค้ช ทั้งในด้านทัศนคติและพฤติกรรม เพื่อให้ผู้รับการโค้ชเกิดการตระหนักรู้ภายในตนเอง (Self-Awareness) สามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมของตนเองและสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ได้ ด้วยมุมมองใหม่ๆ ที่กว้างขึ้น โดยโค้ชจะไม่มีการปรุงแต่งหรือใส่คำแนะนำของโค้ชเข้าไปในการสะท้อนนี้เลย โค้ชทำตัวเป็นกระจกสะท้อนให้เขาเห็นตัวเองจากมุมมองใหม่ๆ เท่านั้น
ตัวอย่างการสะท้อนแบบโค้ช:
เวลาคุณพูดถึงเรื่องนี้ เสียงคุณจะสั่นทุกครั้งเลย – รู้ตัวมั้ยคะ ?
ในเรื่องที่คุณเล่าเมื่อซักครู่ โค้ชได้ยินคำว่า “เวลาไม่พอ” ถึง 3 ครั้ง – มันเป็นอย่างไรคะ ?
ทักษะการตั้งคำถามที่มีประสิทธิภาพ (Asking Effective Questions)
คำถามโค้ชที่ดีจะช่วยเปลี่ยนโฟกัสจากการหาสาเหตุของปัญหาเป็นการหาทางออกจากปัญหา (Solution), ช่วยให้รู้สึกมีพลังที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ได้, ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และสร้างทางเลือกใหม่ๆ, ช่วยให้เกิดการค้นหาภายในตนเอง (Self-discovery) และสร้างวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายในแบบของตนเอง
ลักษณะของคำถามโค้ชที่ดีคือ เข้าใจง่าย, ถามในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับการโค้ช, กระตุ้นความคิด และไม่มีการชี้นำ
ตัวอย่างคำถามโค้ช:
ช่วยอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติมได้มั้ยคะ ?
การได้การยอมรับจากลูกน้องสำคัญกับคุณอย่างไรคะ ?
การมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นจะส่งผลอะไรกับคุณคะ ?
คุณได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้างคะ ?
ทักษะการชื่นชมและให้กำลังใจ (Empowering)
ทักษะนี้จะคล้ายกับการสะท้อน โดยโค้ชจะชื่นชมผู้รับการโค้ชตามความเป็นจริง ตรงไปตรงมา และไม่ปั้นแต่ง ซึ่งเกิดจากการที่โค้ชมี Mindset, ทักษะการฟัง และการสังเกตที่ดี ทำให้สามารถมองเห็นตัวตนหรือสิ่งดีๆ ภายในตัวผู้รับการโค้ชและกล่าวชมอย่างจริงใจได้ ปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจ เพื่อให้ผู้รับการโค้ชเกิดความเชื่อมั่นและกล้าลงมือทำตามแผนงานที่ตัวเองเป็นผู้สร้างขึ้น
นี่เป็นเพียงทักษะพื้นฐานที่ท่านควรรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะการทำงานของโค้ช ยังมีชุดทักษะและเทคนิคอีกมากที่โค้ชมืออาชีพต้องฝึกฝนโดยมีอาจารย์โค้ชคอย Mentor เพื่อให้โค้ชได้จริงตามมาตรฐานที่ถูกต้อง หากท่านมีโอกาสได้ศึกษาใน หลักสูตรโค้ชมืออาชีพ (Coaching Certification Programs) ที่ได้รับรองมาตรฐานจากสหพันธ์การโค้ชนานาชาติ ICF ก็จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมในห้องเรียนนะคะ
ประโยชน์ของการโค้ช
สหพันธ์โค้ชนานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ICF) ได้เปิดเผยตัวเลขจากงานวิจัยชื่อ “ICF Global Coaching Client Study” ในปี 2009 เกี่ยวกับพัฒนาการของผู้บริหาร หัวหน้างาน ที่เข้ารับการโค้ชกับโค้ชมืออาชีพให้เราได้ทราบดังนี้
ช่วยให้เป็นคนคิดบวก (Positive People)
- ความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น 80%
- ความสมดุลระหว่างชีวิตกับงานเพิ่มขึ้น 67%
- ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวดีขึ้น 73%
- ทักษะในการสื่อสารเพิ่มขึ้น 72%
ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ในการทำงาน (Increase Productivity)
- ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น 70%
- ความสามารถในการบริหารเวลาเพิ่มขึ้น 57%
- ประสิทธิภาพในการบริหารงานเพิ่มขึ้น 61%
- ประสิทธิภาพของทีมงานเพิ่มขึ้น 51%
ช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจ (Satisfied)
- 99% ของลูกค้ารู้สึกพึงพอใจที่ได้รับการโค้ช
- 96% ของลูกค้าอยากกลับมารับบริการการโค้ชซ้ำถ้ามีโอกาส
นอกจากนี้ ผู้ที่ฝึกการโค้ชจะได้รับข้อได้เปรียบเหล่านี้
- สามารถนำการโค้ชไปผนวกรวมกับสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างจุดขายและบริการใหม่ ให้กับธุรกิจคุณ
- การโค้ชสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกพื้นที่ของชีวิต
- การโค้ชสามารถทำเป็นอาชีพได้ *
ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกที่ใช้โค้ช
“ทุกคนจำเป็นต้องมีโค้ช ไม่สำคัญว่าคุณเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ทุกคนต้องการคนที่จะช่วยสะท้อนตัวตนให้เขาฟัง นี่คือวิธีที่เราจะปรับปรุงและพัฒนาตัวเองได้” – Bill Gates, อดีตประธานบริษัท Microsoft
“คำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้รับคือ ‘จ้างโค้ชซะ’ โค้ชไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาเก่งเหมือนคุณ หน้าที่ของเขาคือมองดูคุณและช่วยผลักดันให้คุณเป็นคนที่ดีที่สุดในแบบของคุณ ในเชิงธุรกิจโค้ชคือผู้ที่มองคุณจากมุมมองที่ต่างออกไป แล้วอธิบายให้คุณฟังจากสิ่งที่เขาเห็น จากนั้นเราจะเริ่มพูดคุยกันถึงวิธีแก้ปัญหา ผมตัดสินใจได้ว่าการมีโค้ชเป็นไอเดียที่ดี ผมเข้าใจได้ว่าผมควรจะเชื่อใจเขา เขาช่วยให้ผมได้เห็นมุมมองที่เป็นประโยชน์เสมอ” – Eric Schmidt, อดีต CEO ของ Google
Bill จ้างโค้ชเพื่อช่วยเขาในการตัดสินใจสิ่งต่างๆ ที่สำคัญกับประเทศและประชาชน ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี – ท่าน Bill Clinton, ประธานาธิบดีคนที่ 42 ของสหรัฐอเมริกา
Oprah บอกว่าความสำเร็จของเธอส่วนหนึ่งมาจากการมีโค้ช และเธอได้แนะนำให้ผู้ชมรายการเธอที่ต้องการสำเร็จมีโค้ชด้วย – Oprah Winfrey, พิธีกรและเจ้าของรายการ The Oprah Winfrey Show ที่มี Rating สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
Serena จ้างโค้ชในช่วงที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บระหว่างแข่งขัน แล้วจบด้วยการคว้าแชมป์ Grand Slam – Serena Williams, อดีตนักเทนนิสหญิงอันดับหนึ่งของโลก
ตัวอย่างโค้ชมืออาชีพระดับโลก
Tony Robbins
Marshall Goldsmith
Martha Beck
จะเห็นได้ว่าโค้ชชิ่งเป็นศาสตร์ที่สามารถสร้างข้อได้เปรียบให้เราในโลกยุคใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นโค้ชหรือทำอาชีพอื่นๆ ก็ควรเรียนรู้การโค้ชและนำไปประยุกต์ใช้ในทุกพื้นที่ของชีวิต เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาทีม พัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบตัว และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความสำเร็จของคุณ ถ้าคุณสนใจการโค้ช สามารถติดตามความรู้ Coaching และปรึกษาแนวทางการโค้ชกับเราได้ที่ Line: @Coach-NapoleonHill นะคะ
บทความโดย
โค้ชเปิ้ล มิทเชล
⛵💼 Master Coach-Napoleon Hill™
🇹🇭🇹🇭 อาจารย์รับรองหนึ่งเดียวในประเทศไทย (Napoleon Hill Certified Instructor) – Napoleon Hill Foundation USA
👩💼 Executive Coach ระดับสูงสุด MCC – ICF
👩💼 ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร
👩💼 โค้ชผู้บริหาร องค์กรชั้นนำ
👩💼 โค้ชนางงาม Miss Universe Thailand 2017
👩💼 โค้ชมารีญา พูลเลิศลาภ – Top 5 Miss Universe 2017
📶📶 ผู้พัฒนาเครื่องมือวัด “ความคิดผู้นำ-เศรษฐี นโปเลียนฮิลล์” PMA17 Leadership Success Profile Assessment©️ Online Coaching Tool
ข้อมูลบางส่วนจาก
International Coach Federation (ICF), USA, Wikipedia, Elite Daily, Fortune
ภาพจาก
flickr, pinimg, forosperu, twitter, cnbc, sanluisobispo
เรียน Coaching ที่ไหนดี ?
สถาบันโค้ชนโปเลียนฮิลล์
เริ่มต้นเส้นทางโค้ชมืออาชีพ ICF ครบที่สุดในวงการ
✅ โค้ชเป็นเร็ว ประกอบอาชีพได้ครบ จบใน 4 วัน
✅ ใบประกาศนียบัตรรับรอง (Certified Coach)
✅ เสื้อสูทสามารถ และเข็มเกียรติยศ
✅ FREE เครื่องมือโค้ชระดับโลก (Online Assessment)
และอื่นๆ อีกมากมาย !
🔥 เรียนเจอตัว @รร. 5 ดาว
🔥 12 ที่นั่ง Exclusive !
ทักรับโปรกับแอดมินทางไลน์เท่านั้น
ดูรายละเอียดหลักสูตร/รีวิว/โปรโมชั่น และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
LINE: @Coach-NapoleonHill